หญิง-ชาย เสี่ยงไวรัสตับอักเสบพอกัน เหตุถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก

แพทย์เผยคนส่วนมากยังเข้าใจผิด คิดว่าผู้ชายมีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสตับอักเสบสูงกว่าผู้หญิง แต่ความจริงแล้วถึงแม้ผู้หญิงที่ไม่มีพฤติกรรมสำส่อนทางเพศ ไม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ก็มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อเทียบเท่าผู้ชายรักสนุก เหตุเพราะช่องทางการติดเชื้อส่วนใหญ่ในประเทศไทยยังคงมาจากแม่สู่ลูก ทั้งๆ ที่สามารถป้องกันได้ แต่อัตราการติดเชื้อผ่านช่องทางนี้ก็ยังสูงอยู่

นพ.บุญเลิศ อิมราพร อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวถึงเชื้อไวรัสตับอักเสบว่า ไวรัสตับอักเสบที่พบบ่อยในปัจจุบัน คือชนิดเอ บีและซี สำหรับไวรัสตับอักเสบชนิดดีและอีพบน้อย โดยผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบจะแบ่งอาการเป็น 2 ลักษณะคือ ติดเชื้อแบบเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะมีไข้ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อาจมีผื่น ปวดข้อ ร่วมด้วย ต่อมาไข้จะลดลง ผู้ป่วยจึงเริ่มมีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง ส่วนอีกกลุ่มคือ ติดเชื้อแบบเรื้อรัง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่มีอาการผิดปกติ หรืออาจมีอาการที่ไม่จำเพาะ เช่น อ่อนเพลียเล็กน้อย กลุ่มนี้หากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสมอาจนำไปสู่การเป็นตับแข็งและมะเร็งตับในที่สุด โดยเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดตับอักเสบเรื้อรัง ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบชนิดบี ซีและดีเท่านั้น ปัจจุบันพบจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีทั่วโลกประมาณ 350-400 ล้านคน ส่วนในประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากผู้บริจาคเลือดประมาณร้อยละ 5 และผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีส่วนใหญ่จะไม่มีอาการผิดปกติ โดยเฉพาะในเด็กจะไม่แสดงอาการป่วยใดๆ แต่เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่คนกลุ่มนี้มีโอกาสเสี่ยงของมะเร็งตับสูงกว่าคนทั่วไปประมาณ 200 เท่า หญิงเสี่ยงเป็นตับแข็งเช่นเดียวกับผู้ชาย

นพ.บุญเลิศกล่าวว่า ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มีความเข้าใจว่า ผู้ชายมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบมากกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะผู้ชายรักสนุกที่มีพฤติกรรมชอบดื่มสุรา สูบบุหรี่ มีคู่นอนหลายคน โดยลืมตระหนักไปว่า ผู้หญิงก็มีโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเท่ากันกับผู้ชาย เพราะในประเทศแถบเอเชียรวมถึงประเทศไทยช่องทางการติดเชื้อที่สำคัญยังคงมาจากแม่สู่ลูก ส่วนโอกาสที่จะกลายเป็นตับแข็งและมะเร็งตับก็มีได้เช่นเดียวกับผู้ชาย โดยเฉพาะสาวๆ ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอยู่แล้ว และมีพฤติกรรมชอบบริโภคอาหารที่มีไขมันมาก อาหารหมักดอง ถั่วหรือธัญพืชบางชนิดที่อาจมีสาร Aflatoxin ซึ่งเกิดจากเชื้อรา รวมถึงสาวๆ ที่ชอบซื้อยาหรือวิตามินที่อาจมีผลต่อตับมารับประทานเองโดยขาดการศึกษาข้อมูลที่เพียงพอ หรือไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ล้วนเป็นพฤติกรรมที่เอื้อให้เกิดภาวะตับอักเสบ ตับแข็งและมะเร็งตับ ได้เช่นเดียวกับผู้ชายคอทองแดงที่รักการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย ดังนั้น ผู้หญิงไม่ควรชะล่าใจ เพราะต่างก็มีอัตราเสี่ยงติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ และมีโอกาสกลายเป็นมะเร็งตับไม่แตกต่างกันกับผู้ชาย

ด้าน นพ.รัชวิชญ์ เจริญกุล อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวเพิ่มเติมถึงช่องทางในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบว่า ไวรัสตับอักเสบบี เป็นสาเหตุสำคัญของภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็งและมะเร็งตับ การติดต่อของไวรัสตับอักเสบบี จะไม่ติดต่อผ่านการรับประทานอาหาร น้ำลาย หรือการสัมผัส แต่สามารถติดต่อได้ 3 ทางคือ เลือดและส่วนประกอบของเลือด ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ซึ่งยังคงเป็นช่องทางการติดเชื้อที่สำคัญในประเทศไทย ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีแล้วก็ตาม ยังพบผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีสูงอยู่ ทั้งๆ ที่สามารถป้องกันได้ โดยการตรวจคัดกรอง หากพบว่าไม่มีภูมิต้านทานไวรัสก็สามารถรับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีได้ หรือแม้กระทั่งติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแล้ว ก็ป้องกันไม่ให้เป็นตับแข็งและมะเร็งตับได้ และหากวางแผนมีบุตรยังสามารถตั้งครรภ์และให้กำเนินทารกได้อย่างปลอดภัยภายใต้การดูแลของแพทย์

นอกจากนี้ นพ.รัชวิชญ์ ยังเปิดเผยว่า ไวรัสตับอักเสบซี ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็งและมะเร็งตับ แต่ไม่ง่ายเหมือนกับไวรัสตับอักเสบบีโดยติดทางเลือดเป็นหลัก ส่วนทางเพศสัมพันธ์และจากแม่ไปสู่นั้นน้อยมากๆ ในประเทศไทยจากข้อมูลการบริจาคเลือด พบว่ามีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีร้อยละ 1-2 ของประชากร ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซี ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ส่วนใหญ่ไม่มีอาการผิดปกติ ตรวจพบได้โดยการตรวจเลือดเท่านั้น ซึ่งหากกลายเป็นไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง และไม่ได้รับการรักษาจะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ ได้แก่ ตับแข็งและมะเร็งตับในที่สุด

ส่วนผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบไม่ว่าชนิดใดก็ตาม นพ.รัชวิชญ์ แนะนำแนวทางปฏิบัติตัวว่า ควรงดดื่มสุราและไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการรับประทานยาโดยไม่จำเป็น ควรปรึกษาแพทย์ว่ายาชนิดนั้นมีผลต่อตับหรือไม่ หลีกเลี่ยงการรับประทานยาสมุนไพร พักผ่อนให้เพียงพอ งดออกกำลังกายหักโหม ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ เพื่อเฝ้าระวังตับแข็งและมะเร็งตับ แนะนำให้ญาติพี่น้อง คนใกล้ชิด สามีภรรยา ตรวจหาการติดเชื้อไวรัสและรับวัคซีนป้องกัน ระมัดระวังการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น กรณีมีข้อบ่งชี้ให้รับการรักษา ควรรักษาอย่างต่อเนื่อง

ไวรัสตับอักเสบเป็นปัญหาสาธารณสุขที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักถึงภัยเพียงพอ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพราะภาวะตับแข็งและมะเร็งตับจำนวนมาก ดังนั้น ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเวชธานี จึงรณรงค์ให้ประชาชนหันมาใส่ใจในโรคดังกล่าว ด้วยการเปิดให้ผู้ที่สงสัยว่ามีความเสี่ยง หรือผู้สนใจทั่วไปเข้ารับการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้ที่งานสัมมนา “ไวรัส วายร้าย ทำลายตับ” ซึ่งแพทย์ทั้งสองท่านจะมาให้ความรู้ในงานดังกล่าวด้วย ในวันเสาร์ที่ 31 มี.ค. 55 ที่โรงพยาบาลเวชธานี สอบถามโทร. 0-2734-0000

 

ที่มา: ไทยรัฐ 21 มีนาคม 2555

Leave a comment