เตือนภัยน้ำยาย้อมผมอันตรายถึงขั้นต้นเหตุมะเร็ง

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แนะวิธีรักษาอาการแพ้น้ำยาย้อมผม ที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็ง เตือนประชาชนก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ย้อมผม ต้องอ่านฉลากและปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด และควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้…

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 55 นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยกรณีที่มีข่าวว่ามีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ย้อมผมในรูปแบบแชมพู และมีการโฆษณา ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทแชมพูสระผม ที่สระแล้วทำให้สีผมเปลี่ยนไป ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่า สามารถใช้สระผมได้ทุกวันเหมือนแชมพูทั่วไป กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผม เพราะผลิตภัณฑ์ย้อมผมที่มีขายทั่วไปในท้องตลาดมีหลายประเภท ทั้งประเภทย้อมผมชั่วคราว ได้แก่ ดินสอทาสีผม สเปรย์ย้อมสีผม ประเภทย้อมผมกึ่งถาวร สีจะคงทนได้นาน 3-5 สัปดาห์ ได้แก่ แชมพูย้อมสีผม โลชั่นและโฟมย้อมสีผม และประเภทย้อมผมถาวร จะทนทานต่อการสระด้วยแชมพู เนื่องจากมีสีออกซิเดชั่น เช่น สารพาราฟินีลินไดอะมีน (p-phenylenediamine) รวมทั้งเกลือและอนุพันธ์ของสารนี้ ซึ่งเป็นสารก่อกลายพันธุ์ และทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง โดยมีรายงานว่าสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ย้อมผมชนิดถาวร เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้หลายชนิด

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบว่าสารพาราฟินีลินไดอะมีน เมทิลฟินีลีนไดอะมีน 4-อะมิโน-2-ไฮดรอกซีโทลูอีน และพาราอะมีโนฟีนอล เป็นสีย้อมที่มีแนวโน้มก่อให้เกิดการแพ้ได้ โดยจะมีอาการบวมบริเวณเปลือกตา ใบหน้า และริมฝีปาก อาการขั้นแรกผิวหนังมีผื่นแดงเป็นตุ่มใส และมีน้ำเหลือง มีอาการคันมากบริเวณศีรษะ ใบหน้า และต้นคอ ถ้าแพ้มากทำให้หายใจลำบาก นอกจากนี้ทำให้เกิดจ้ำเขียวเป็นผื่น และว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมผู้บริโภคควรใช้อย่างระมัดระวัง ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน และห้ามใช้หากหนังศีรษะมีรอยถลอก เป็นแผลหรือโรคผิวหนัง และขณะที่ย้อมผมไม่ควรเกาศีรษะแรงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ไม่ปล่อยให้สีย้อมผมค้างบนเส้นผมหรือหนังศีรษะนานเกินความจำเป็น เพราะอาจทำให้สารเคมีซึมผ่านหนังศีรษะหรือผิวหนังบริเวณใกล้เคียง ควรสวมถุงมือทุกครั้งเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผม สระผมให้สะอาด หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมแล้วเกิดความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยควรหยุดใช้ทันที หากพบว่ามีอาการแพ้ต้องรีบล้างหนังศีรษะและผมด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือแชมพูอ่อนๆ เพื่อล้างผลิตภัณฑ์ย้อมผมที่ยังเหลืออยู่ให้หมดไป หากอาการแพ้ไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์ โดยนำฉลาก ซองหรือกล่องของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ไปด้วย เพื่อแพทย์จะได้รับทราบข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป

ที่มา: ไทยรัฐ 21 เมษายน 2555

Related Link:

.

กรมวิทย์แนะวิธีรักษาอาการแพ้น้ำยาย้อมผม

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แนะผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมให้ปลอดภัย หากมีอาการแพ้น้ำยาย้อมผม ให้ล้างหนังศีรษะด้วยแชมพูอ่อนๆ เพื่อล้างสารพาราฟินีลินไดอะมีน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ และอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็ง เตือนประชาชนก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ย้อมผม ต้องอ่านฉลากและปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด และควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้

นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีข่าวมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ย้อมผมในรูปแบบแชมพู และมีการโฆษณาทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทแชมพูสระผมที่สระแล้ว ทำให้สีผมเปลี่ยนไป ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่า สามารถใช้สระผมได้ทุกวันเหมือนแชมพูทั่วไป กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงขอเตือนประชาชนในการให้ระมัดระวังใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผม เพราะผลิตภัณฑ์ย้อมผมที่มีขายทั่วไปในท้องตลาดมีหลายประเภท ทั้งประเภทย้อมผมชั่วคราว ได้แก่ ดินสอทาสีผม สเปรย์ย้อมสีผม ประเภทย้อมผมกึ่งถาวร สีจะคงทนได้นาน 3-5 สัปดาห์ ได้แก่ แชมพูย้อมสีผม โลชั่นและโฟมย้อมสีผม และประเภทย้อมผมถาวร จะทนทานต่อการสระด้วยแชมพู เนื่องจากมีสีออกซิเดชัน เช่น สารพาราฟินีลินไดอะมีน (p-phenylenediamine) รวมทั้งเกลือและอนุพันธ์ของสารนี้ ซึ่งเป็นสารก่อกลายพันธุ์ และทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง โดยมีรายงานว่า สารเคมีที่เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ย้อมผมชนิดถาวรเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้หลายชนิด นอกจากนี้ ยังพบว่า สารพาราฟินีลินไดอะมีน เมทิลฟินีลีนไดอะมีน 4-อะมิโน-2-ไฮดรอกซีโทลูอีน และ พาราอะมีโนฟีนอล เป็นสีย้อมที่มีแนวโน้มก่อให้เกิดการแพ้ได้ โดยจะมีอาการบวมบริเวณเปลือกตา ใบหน้า และ ริมฝีปาก อาการขั้นแรกผิวหนังมีผื่นแดงเป็นตุ่มใส และมีน้ำเหลือง มีอาการคันมากบริเวณศีรษะ ใบหน้า และต้นคอ ถ้าแพ้มากทำให้หายใจลำบาก นอกจากนี้ทำให้เกิดจ้ำเขียวเป็นผื่น

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผม ผู้บริโภคควรใช้อย่างระมัดระวัง ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน และห้ามใช้หากหนังศีรษะมีรอยถลอก เป็นแผล หรือโรคผิวหนัง และขณะที่ย้อมผมไม่ควรเกาศีรษะแรงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ไม่ปล่อยให้สีย้อมผมค้างบนเส้นผม หรือหนังศีรษะนานเกินความจำเป็น เพราะอาจทำให้สารเคมีซึมผ่านหนังศีรษะ หรือผิวหนังบริเวณใกล้เคียง ควรสวมถุงมือทุกครั้งเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผม สระผมให้สะอาด หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมแล้วเกิดความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยควรหยุดใช้ทันที หากพบว่ามีอาการแพ้ต้องรีบล้างหนังศีรษะ และผมด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือแชมพูอ่อนๆ เพื่อล้างผลิตภัณฑ์ย้อมผมที่ยังเหลืออยู่ให้หมดไป หากอาการแพ้ไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์ โดยนำฉลาก ซองหรือกล่องของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ไปด้วย เพื่อแพทย์จะได้รับทราบข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและทำการรักษาต่อไป

นางหรรษา ไชยวานิช ผู้อำนวยการสำนักเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า เครื่องสำอางทุกชนิดรวมทั้งผลิตภัณฑ์ย้อมผมจัดเป็นเครื่องสำอางควบคุมตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะสารย้อมผมหลายชนิดเป็นสารควบคุมปริมาณการใช้ เช่น พาราฟินีลินไดอะมีน และ เมทิลฟินีลีนไดอะมีน ใช้ได้ในผลิตภัณฑ์สำหรับย้อมผมในอัตราส่วนสูงสุด 6% และ 10% เมื่อคำนวณในรูปเบสอิสระ (free base) ตามลำดับ สารไดอะมีโนฟีนอลล์ และสารรีซอร์ซินอลใช้ได้ในอัตราส่วนสูงสุด 10% และ 5% ตามลำดับ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้ฉลากเครื่องสำอางที่มีการควบคุมต้องระบุข้อความที่จำเป็น ได้แก่ ชื่อทางการค้า ประเภทหรือชนิด ชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีใช้ ชื่อและผู้ผลิต ที่ตั้ง ปริมาณสุทธิ เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิต และการแสดงคำเตือน เช่น อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ สวมถุงมือที่เหมาะสมขณะใช้ ระวังอย่าให้เข้าตา ห้ามใช้ย้อมขนตา หรือขนคิ้ว ห้ามใช้เมื่อหนังศีรษะมีรอยถลอก เป็นต้น ดังนั้นก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ และที่สำคัญ ควรอ่านฉลากและปฏิบัติตามคำเตือน และวิธีใช้อย่างเคร่งครัด

ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 เมษายน 2555