“การทำบุญด้วยการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกันดีกว่าสร้างโบสถ์สร้างวิหาร” และการให้โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลยคือการบริจาคเลือด โดย พญ.สร้อยสอางค์ พิกุลสด ผอ.ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ขณะนี้คนไทยให้การบริจาคเลือดกันมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มอายุ 20-30 ปี แถมยังบริจาคอย่างต่อเนื่องอีกด้วย โดยในวันหนึ่ง ๆ ได้เลือดทุกหมู่อยู่ที่ประมาณ 1,500–2,000 ยูนิต ไม่นับรวมหน่วยงานอื่น ๆ ที่เปิดรับบริจาคเลือดด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ จากปริมาณเลือดที่ได้รับบริจาคเข้ามาในแต่ละวันนั้นถือว่าไม่น้อย แต่กลับยังมีปัญหาอยู่ว่า ตอนนี้หมู่เลือดชนิดพิเศษ คือ อาร์เอช เนกาทีฟ (RH-) ได้รับการบริจาคน้อยมาก เพียงวันละประมาณ 5 ยูนิตเท่านั้น แถมยังต้องแบ่งเป็นหมู่โอ อาร์เอช เนกาทีฟ (O RH-) เออาร์เอช เนกาทีฟ (A RH-) บีอาร์เอช เนกาทีฟ (B RH-) หรือในบางวันไม่มีเลยแม้แต่ยูนิตเดียว ทำให้สถานการณ์การขาดแคลนหมู่เลือดพิเศษนี้น่าเป็นห่วง
ซึ่งการที่ได้เลือดหมู่พิเศษมาน้อยเป็นเพราะทั้งประเทศไทยมีคนที่มีหมู่เลือดนี้เพียงร้อยละ 0.3-0.5 เท่านั้น เรียกว่าในจำนวนคนเป็นพัน ๆ จะเจอคนที่มีหมู่เลือดอาร์เอช เนกาทีฟเพียงประมาณ 5 คน สวนทางกับความต้องการใช้เลือดในการรักษาโรคในแต่ละครั้ง โดยเฉพาะการรักษาโรคด้วยการผ่าตัดซึ่งครั้งหนึ่ง ๆ จะใช้เลือดถึง 3-5 ยูนิต แต่ถ้ารักษาโรคโลหิตจางก็จะใช้เพียงครั้งละประมาณ 1 ยูนิต แต่ก็ต้องใช้อย่างสม่ำเสมอ
“เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนเรามีปัญหาขาดแคลนเลือดในหมู่เลือดพิเศษนี้มาก พอประกาศขอรับบริจาคออกไปก็ได้รับการบริจาคเข้ามาเยอะ เลยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่วันนี้ก็ยังติดค้างหมู่เลือด เอ อาร์เอชเนกาทีฟอยู่ถึง 33 ยูนิต ทำให้ผู้ป่วยยังไม่ได้รับการรักษา แพทย์ยังไม่กล้าผ่าตัดให้กับคนไข้”
พญ.สร้อยสอางค์ บอกว่า หมู่เลือดอาร์เอช เนกาทีฟ มีความสัมพันธ์กับพันธุกรรม ซึ่งในคนไทยและเอเชียมีน้อย ส่วนใหญ่จะพบในคนยุโรป และแอฟริกากว่าร้อยละ 15 ทางกลุ่มประเทศเหล่านั้นจึงตระหนักและค้นหาความพิเศษนี้เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ทางการแพทย์ แต่คนไทยเองยังไม่ค่อยได้สนใจหมู่เลือดพิเศษเท่าไหร่ เพราะอย่างที่บอกว่าเป็นคนส่วนน้อย เลยคิดว่าไม่คุ้มหากจะหยดสารทดสอบที่มีราคาแพงลงไปในเมื่อมั่นใจแล้วว่ายังไงก็ต้องเจอคนหมู่เลือดปกติ แต่ในการบริจาคโลหิตได้ตรวจเรื่องนี้จึงทำให้รู้ว่าคนไทยเองก็มีหมู่เลือดพิเศษอยู่มากเช่นเดียวกัน
“การตรวจเลือดตามปกติในโรงพยาบาล หรือตามสถานศึกษาเป็นการตรวจหาหมู่เลือดตามปกติ ไม่ได้ค้นหาหมู่พิเศษอาร์เอช เนกาทีฟแต่อย่างใด หากไม่ใช่ผู้ป่วยที่ต้องการรับเลือด เพราะอย่างที่บอกน้ำยาค่อนข้างแพงทั้ง ๆ อันที่จริงคนเหล่านั้นอาจจะมีหมู่เลือดพิเศษอยู่อีกมาก”
ตอนนี้สภากาชาดไทยพยายามที่จะค้นหาคนที่มีหมู่เลือดพิเศษนี้ผ่านผู้ที่มารับบริจาคเลือดอีกทางหนึ่ง แต่ก็อยากให้คนไทยด้วยกันเองตระหนักถึงเรื่องนี้และหากเป็นไปได้อยากให้ลองค้นหาความพิเศษของตัวเองด้วย ส่วนคนที่ทราบสถานะของตัวเองแล้วประมาณพันกว่าคนตอนนี้ สภากาชาดได้พยายามจัดสรรพื้นที่ให้ได้มาพบปะ รวมพลกัน เพื่อจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับในหลาย ๆ ประเทศที่ดำเนินการอยู่
อย่างไรก็ตาม ในโอกาสเดือนแห่งความรักนี้สภากาชาดไทยได้จัดโครงการ “แบ่งปันความรักด้วยหัวใจ เติมน้ำใจด้วยโลหิต” เพื่อให้ทุกคนได้แสดงความรัก ความเมตตา ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยการบริจาคเลือด และที่สำคัญอยากให้ทุก ๆ คนมีความรัก และมีน้ำใจแก่กันในทุก ๆ วัน ทุก ๆ เดือน.
อภิวรรณ รายงาน : รายงาน
ที่มา : เดลินิวส์ 15 กุมภาพันธ์ 2558