ไลฟสไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นปัจจัยที่ 6 ในการดำรงชีวิต ทำงานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานส่งผลเสียต่อดวงตาเสื่อมก่อนวัยอันควร
เภสัชกรหญิงวิชชุลดา ผรณเกียรติ์ กล่าวว่า ดวงตา ถือเป็นอวัยวะที่ละเอียดอ่อน เราจึงต้องดูแลและให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่เราต้องใช้ดวงตาในการทำงานมาก ทั้งการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ การที่ดวงตาต้องกระทบแสงแดดโดยตรง การดูโทรทัศน์ในระยะใกล้เกินไป หรือแม้แต่การใช้สมาร์ทโฟนตลอดเวลา ก็ล้วนแล้วแต่ทำลายดวงตาของเราด้วยกันทั้งสิ้น
แต่พฤติกรรมการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนดูเหมือนจะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อสายตาของหนุ่มสาวในยุคปัจจุบัน ซึ่งพบว่าโรค Computer Vision Syndrome หรือ ซีวีเอส กลายเป็นโรคยอดฮิตของคนยุคดิจิทัลไปแล้ว ดังนั้น เราจึงควรหันมาสังเกตดวงตาของเราว่ามีความผิดปกติจากสัญญาณเตือนดวงตาเสื่อมกัน
•มีอาการแสบตา เคืองตา คันตา โดยปกติคนเราจะต้องกระพริบตาอยู่ตลอดเวลา โดยมีอัตราการกระพริบตาประมาณ 20 ครั้งต่อนาที เพื่อเกลี่ยน้ำตาให้คลุมผิวตาให้ทั่ว แต่หากจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานานๆ จะทำให้เรากระพริบตาลดลงกว่า 60% ทำให้ผิวตาแห้ง แสบตา เคืองตา คันตา หากเป็นมากจะเกิดอาการตาแดง ตาสู้แสงไม่ได้ ปวดเบ้าตา มีอาการอ่อนล้าทางประสาทตาได้
•ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน มักเกิดกับคนที่ใช้สายตาจ้องมองหน้าจอเป็นเวลานานๆ ติดต่อกันโดยเฉลี่ยมากกว่า 3.5 ชั่วโมงขึ้นไป การเพ่งมากจนกล้ามเนื้อตาอ่อนล้า ทำให้ในเริ่มแรกอาจมีอาการคล้ายคนสายตาสั้น ต้องจองมองใกล้ๆ ต่อมาจะรู้สึกตาพร่ามัว มองเห็นเป็นภาพซ้อน แต่อาการจะดีขึ้นหากได้พักสายตา
•เมื่อยตา ตากระตุก เมื่อดวงตาต้องเพ่งหรือจับจ้องอยู่กับหน้าจอที่มีแสงจ้าหรือแสงสะท้อนเป็นเวลานานๆ หรือการใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนในห้องที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอ จะส่งผลให้กล้ามเนื้อหนังตาเกร็งตัวจนผิดปกติ อาการเริ่มต้นอาจมีแค่การกระตุกเกร็งของกล้ามเนื้อตาไม่มาก ทำให้กระพริบตาถี่ขึ้นกว่าปกติ หากเป็นมากขึ้นกล้ามเนื้อหนังตาจะเกร็งจนต้องกระพริบตาแรงๆ
•ปวดกระบอกตา การใช้สายตาเป็นเวลานานๆ ในการจ้องและเพ่งหน้าจอเกินกว่า 6 ชั่วโมง เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดกระบอกตา โดยจะมีอาการปวดบริเวณระหว่างหัวคิ้ว ไปจนถึงศรีษะ หากยังคงใช้สายตาจ้องมองต่อไป จะทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น เช่น ตามัว วิงเวียน และมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้
สัญญาณเตือนต่างๆ ของดวงตา อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อดวงตาได้ในระยะยาวเสี่ยงต่อโรคดวงตาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก และต้อหินได้ ซึ่งจะส่งผลให้ตาบอดเมื่อสูงอายุได้ ดังนั้น เราจึงควรหันมาให้ความใส่ใจดวงตาของเราตั้งแต่เนิ่นๆ เริ่มจากการปรับพฤติกรรมการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยอย่าจ้องมองหน้าจออุปกรณ์เป็นเวลานานๆ ติดต่อกัน
ควรพักสายตาทุกๆ 15-20 นาที และปรับความสว่างหน้าจอให้เหมาะสม ไม่จ้าจนเกินไป อาจจะเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงที่หน้าจอเพื่อลดแสงจ้าที่สะท้อนสู่ดวงตา ไม่ควรใช้สมาร์ทโฟนในห้องนอนที่มืดหรือมีแสงสว่างไม่เพียงพอ ควรเว้นระยะห่างของหน้าจอและสายตาให้เหมาะสมโดยประมาณ 20-30 ซม. และควรวางหน้าจอในมุมที่พอดีกับหน้า อย่าวางหน้าจอต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป
หลีกเลี่ยงการนอนเล่นสมาร์ทโฟนบนเตียง ที่สำคัญ หนุ่มสาวยุคดิจิทัล ไม่ควรติดแชท ติดเกมบนมือถือจนนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะยังเป็นอีกสาเหตุที่ส่งผลต่อสุขภาพตาเสื่อมอีกด้วย หากพบความผิดปกติของดวงตา ควรรีบไปปรึกษาจักษุแพทย์โดยทันที
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ 20 สิงหาคม 2557