ชี้รักวันละนิด “ส่งผล” น้ำหนักเพิ่มวันละหน่อย

Credit: askmen.com

Credit: askmen.com

โอ้ละหนอ ชีวิตสมรสที่เปี่ยมสุขก็มีผลเสียได้ใครจะเชื่อ…
นักวิจัยเมืองอเมริกันทำการรวบรวมสถิติจากการสำรวจคู่รักเป็นช่วงเวลาหนึ่ง และพบว่ายิ่งคู่แต่งงานมีความสุขมากขึ้นเท่าไหร่ ขนาดรอบเอวของคุณสามีหรือภรรยาก็จะเพิ่มขึ้นแปรผันตามกันไปด้วย

การวิจัยชิ้นนี้เป็นผลงานของคณะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นเมโธดิสต์ ในเมืองดัลลัส มีผู้นำทีมของแอนเดรีย เมลต์เซอร์ ได้ทำการวิจัยกับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน 169 คู่ เป็นเวลา 4 ปี โดยขณะทำการเฝ้าติดตามตั้งคำถามเกี่ยวกับสัมพันธภาพของคู่สามีภรรยา ก็จะบันทึกน้ำหนักควบคู่ไปด้วย

พวกเขาพบว่า ภายหลังการตั้งคำถามถึงความพึงพอใจต่อชีวิตคู่ผ่านมาครบ 8 ครั้ง คู่รักที่ตอบว่าพวกตนมีความสุขดีกับชีวิตแต่งงานจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ส่วนคู่ที่บอกว่าไม่ค่อยมีความสุขกลับมีน้ำหนักลดลง

เมลต์เซอร์กล่าวว่า หน่วยความสุขที่เพิ่มขึ้นแต่ละหน่วย ไม่ว่ากับตัวสามีภรรยาคนใดคนหนึ่งหรือทั้งคู่ ก็จะเพิ่มดัชนีมวลกาย 0.12 โดยเฉลี่ยทุกๆ 6 เดือน นั่นเท่ากับว่า หากฝ่ายภรรยาสูง 5 ฟุต 4 นิ้ว น้ำหนักของเธอจะเพิ่มขึ้นครึ่งปอนด์ทุกๆ 6 เดือน ซึ่งหากเป็นเช่นนี้สืบไปในระยะยาวก็ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ กระนั้นเมลต์เซอร์บอกว่าการวิจัยใช้เวลาศึกษาในระยะเวลาเพียง 4 ปี แนวโน้มที่ยาวนานกว่านั้นจึงยังไม่ชัดเจน

ส่วนเหตุผลที่ทำให้คู่รักที่ไม่มีความสุขน้ำหนักตัวลดลงนั้น เป็นไปได้ว่าเกิดจากคู่นั้นอาจอยู่ระหว่างการหย่าและต้องการรักษารูปร่างเพื่อให้ต้องตาคนใหม่ ซึ่งเมลต์เซอร์เรียกรูปแบบนี้ว่าเป็นโมเดล “ตลาดหาคู่”

ผลวิจัยชิ้นนี้นำเสนอต่อสมาคมเพื่อบุคลิกภาพและจิตวิทยาสังคมที่เมือนิวออร์ลีนส์ แต่ทีมวิจัยออกตัวว่า ผลที่ได้ไม่ใช่การพิสูจน์ความเกี่ยวโยงกันระหว่างเหตุกับผล
ก่อนหน้านี้เคยมีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยโอไฮโอของสหรัฐอเมริกาในลักษณะคล้ายกัน แต่ข้อสรุปจากการศึกษาสามีภรรยามากกว่า 10,000 ราย ได้เป็นว่าฝ่ายหญิงมีแนวโน้มจะอ้วนขึ้นหลังการแต่งงาน แต่ฝ่ายชายยังค่อนข้างรักษารูปร่างไว้ได้ นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า สาเหตุเพราะฝ่ายภรรยามักไม่ค่อยใส่ใจตัวเองแต่ทุ่มเทเวลาดูแลสามี เหตุผลนี้ยังอธิบายได้ด้วยว่าเหตุใดหลังการหย่าฝ่ายสามีกลับมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เมื่อไม่มีคนคอยดูแล

ดมิทรี ทูมิน นักวิจัยของมหาวิทยาลัยโอไฮไอ กล่าวว่า ผลกระทบของการแต่งงานต่อการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวนั้นแตกต่างกันสำหรับเพศชายและเพศหญิง
“ผู้ชายที่หย่าร้าง หรือผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจนอาจมากถึงกับเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้” นักวิจัยผู้นี้ปิดท้าย.

ที่มา : ไทยโพสต์ 14 กุมภาพันธ์ 2556

.

Related Article :

.

Food for thought: The happier your marriage the heavier you're likely to be

Food for thought: The happier your marriage the heavier you’re likely to be

Beware the happy fat: Scientists prove that wedded bliss wreaks havoc with your waistline

  • Study found the happier you are in your marriage, the more likely you are to pile on the pounds
  • Scientists think those unhappy in marriage may keep weight down as they want to attract a new partner

 

PUBLISHED: 13:27 GMT, 30 January 2013

All wedded couples hope for marital bliss – but it does come at a heavy price, researchers say.

For the happier you are in your marriage, the more likely you are to pile on the pounds.

A team from the Southern Methodist University in Dallas studied 169 newly married couples over four years. During this period they measured their weight and asked them how satisfied they were in their relationship eight times.

They found that spouses who were happy in their union tended to gain more weight while those who weren’t so satisfied tended to gain less weight.

The findings held even after compensating for factors such as pregnancy.

Lead researcher Andrea Meltzer, said: ‘For each unit of increase in satisfaction found, either by the person or the partner, a 0.12 increase in BMI occurred every six months, on average.’

This increase would be equivalent to a 5ft 4 woman weighing 8.5st gaining half a pound every six months.

Although the weight gain period wasn’t great it could add up over a longer period of time.

‘We don’t know what happens after the four years yet,’ she told Health Day.

 

Dr Meltzer speculated that those in unhappy marriages may manage their weight better because they are contemplating divorce and want to attract a new partner. She called this the ‘mating market’ model.

However, she cautioned that her results, which she presented at the Society for Personality and Social Psychology in New Orleans, doesn’t prove a cause and effect link.

There has been much research into the effects of marriage on health. A recent study from Ohio University found wives tend to put on weight after tying the knot while men stay relatively trim.

The scientists, who tracked the lives and figures of more than 10,000 husbands and wives suggested this was because women stop taking care of themselves to look after their husbands when they get married.This could explain why men in the study generally gained weight if they split with their partner.

Ohio State University researcher Dmitry Tumin said: ‘Clearly, the effect of marital transitions on weight changes differs  by gender.

‘Divorces for men, and to some extent, marriages for women, promote weight gains that may be large enough to pose a health risk.’

SOURCE: dailymail.co.uk

ทำอย่างไรเมื่อเกิด“ทิฐิ”ระหว่างคู่รัก

“ทิฐิ” เชื่อว่าคำ ๆ นี้พบอยู่ในทุกคน มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป ทั้งที่เคยเป็นฝ่ายมีทิฐิ หรือ สัมผัสพบเจอผู้มีลักษณะดังกล่าวด้วยตัวเอง

“ทิฐิ” อาจส่งผลดีอยู่บ้างในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จ แต่หากเกิดในชีวิตรัก โดยปล่อยให้คงอยู่ทำลายความรู้สึกระหว่างกัน ระวัง! จะเป็นต้นเหตุทำให้สูญเสียสิ่งดี ๆ ในชีวิตมากมาย

แน่นอนว่าคนสองคนคบศึกษากัน ย่อมพบความแตกต่างของแต่ละฝ่าย ทั้งในด้านการกระทำ รวมทั้งความคิดบางอย่าง จนกลายเป็นความไม่เข้าใจ ถือเป็นเรื่องธรรมดา และสามารถพบได้กับคนอื่นรอบตัวคุณเช่นกัน แต่เมื่อใดมีทิฐิเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องรีบกำจัด!

ถามว่าปัญหาดังกล่าวแก้ไขอย่างไร? หลายคนมองว่า เป็นเรื่องค่อย ๆ ปรับจูนเข้าหากันได้ เพียงทำความเข้าใจในธรรมชาติ ความแตกต่างของแต่ละฝ่าย พูดคุยทำความเข้าใจกัน เรียนรู้ที่จะยืดหยุ่น และให้อภัย

ที่สำคัญอย่าละเลยที่จะกล่าวคำ “ขอโทษ” เมื่อรู้สึกผิด และทำให้คู่รักเสียใจ แม้เป็นเรื่องเล็กน้อย รวมทั้งกล่าวคำ “ขอบคุณ” เมื่อรู้สึกดีกับสิ่งที่อีกฝ่ายพยายามปรับ หรือ ทำให้ ถือเป็นการป้องกันการก่อตัวของทิฐิได้ดี เหมาะใช้ฝึก เพื่อให้รู้เท่าทันอารมณ์อวดดื้อถือดี ที่อาจเกิดจากตัวเอง หรือ คู่รัก อย่างเข้าใจ

หากคุณก็รู้ว่ากำลังมีทิฐิ หรือ ตัวบ่อนทำลายความสัมพันธ์ แล้วมีประโยชน์อะไรที่ยังถือไว้กับตัว.

ทีมเดลินิวส์ออนไลน์

 

 

ที่มา: เดลินิวส์  17 เมษายน 2555