เทรนด์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของเมือกจากหอยทากกำลังมาแรง เพราะมีการโหมกระแสว่าช่วยเรื่องการบำรุง คืนความอ่อนวัยให้กับผิวพรรณ จนล่าสุดเกิดเป็นธุรกิจ “สปาหอยทาก” ขึ้นกลางเมืองเชียงใหม่ ที่จัดบริการหอยทากตัวเป็น ๆ ซึ่งอ้างว่านำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส มาไต่ไปตามผิวหน้าให้ปล่อยน้ำเมือกออกมาบำรุงผิว กระทั่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องรุดเข้าไปตรวจสอบถึงความเป็นคุณ เป็นโทษ นั้น
ต่อเรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลผิวพรรณ อย่าง นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ รองผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง อธิบายให้ได้เข้าใจว่าการเอาเมือกหอยทากมาบำรุงผิวพรรณนั้น มาจากการสังเกตธรรมชาติของตัวหอยทากเองที่สามารถปล่อยเยื่อเมือกออกมาเพื่อสร้างเซลล์ผิวหนังให้งอกขึ้นใหม่เมื่อได้รับการบาดเจ็บ คนเราจึงพยายามศึกษาหาสารที่มีอยู่ในเมือกหอยทากว่าตัวใดที่ช่วยเรื่องการฟื้นฟูสภาพผิว และนำมาผสมเป็นเครื่องสำอางในที่สุด จากนั้นก็ทำการโฆษณาว่าสารสกัดจากตัวหอยทากสามารถช่วยฟื้นฟูผิวได้
ส่วนกรณีที่นำเอาหอยทากสด ๆ มาไต่บนผิวหน้าโดยยึดหลักคุณประโยชน์เดียวกันนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างพูดยาก เพราะเมือกที่หอยทากปล่อยออกมาเพื่อช่วยซ่อมแซมตัวเองนั้นเราไม่สามารถรู้ได้ว่ามีความเข้มข้นมากน้อยเพียงใด เรื่องความสมดุลของภาวะเป็นกรด เป็นด่าง เหมาะกับผิวของคนเราหรือไม่ อย่าลืมว่าผิวหนังของคนแตกต่างจากผิวหนังของหอยทากอย่างสิ้นเชิง การตอบสนองย่อมแตกต่างกัน ดังนั้นตรงนี้ต้องระมัดระวังโดยเฉพาะเรื่องความสะอาดที่แม้แต่การเลี้ยงแบบพิเศษเราก็ไม่สามารถวางใจได้ เพราะที่สกัดมาทำเครื่องสำอางยังต้องผ่านการตรวจสอบตั้งหลายกระบวนการ
สิ่งสำคัญเลยคือเรื่องความสะอาด เมือกสด ๆ แบบนี้อาจจะไม่ได้เหมาะกับผิวหน้าคนเรา จนก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองในทางลบ เช่น การระคายเคือง ผื่นแดงคัน สิวเห่อ ถ้าเป็นมาก ๆ อาจจะแสบ ลอกเป็นขุย ๆ ได้ ยิ่งพอเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าในเมือกหอยทากมีเชื้อโคลิฟอร์ม หรือเชื้ออีโคไล ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคท้องร่วงแล้วยิ่งน่าเป็นห่วง เพราะถ้าผิวหนังบริเวณนั้นมีแผลแม้เพียงเล็กน้อยเชื้อโรคเหล่านี้ก็จะสามารถเข้าสู่ร่างกายได้จนทำให้เกิดการติดเชื้อ เป็นหนอง เป็นฝีตามมาได้ ในบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดได้ แต่ปัญหาหลักคือการติดเชื้อที่ผิวมากกว่า
มาถึงตรงนี้ นพ.จินดา ได้ให้คำแนะนำเคล็ดลับในการดูแลผิวหน้าให้ดูสุขภาพดี เริ่มต้นที่การพักผ่อนให้เต็มที่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ ตามมาด้วยการทำความสะอาดที่ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะกับสภาพผิว เช่น ถ้าเป็นคนผิวมันสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฟองนิดหน่อยได้ แต่ถ้าเป็นคนผิวแห้งเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่มีฟอง และควรใช้เพียงน้ำเย็นธรรมดาเท่านั้น อย่าใช้น้ำอุ่นล้างหน้า โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว เพราะน้ำอุ่นจะทำให้ผิวแห้ง เกิดการระคายเคืองได้ง่าย
ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังยังย้ำว่า หลังล้างหน้าต้องทาครีมบำรุงสม่ำเสมอเพื่อให้คงความชุ่มชื้นและผิวหนังไม่เหี่ยวย่น แต่ก็ต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว คนผิวแห้งก็ควรใช้ครีมบำรุงผิวที่มีความเข้มข้น แต่ถ้าคนผิวมันก็ต้องใช้แบบที่เข้มข้นไม่มาก เช่น เป็นเจล เป็นโลชั่น เพื่อไม่ให้เกิดไขมันอุดตัน ที่สำคัญควรทาครีมกันแดดด้วยเสมอ เพราะแสงแดดเป็นตัวการจะทำให้ผิวเปลี่ยนแปลงไป
สำหรับคนที่รักและใส่ใจในสุขภาพผิวของตัวเองจริง ๆ ควรเลือกผลิตภัณฑ์หรือวิธีการดูแลที่ได้มาตรฐาน พิสูจน์ได้จริง ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อ เพราะผลลัพธ์อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย.
อภิวรรณ เสาเวียง : รายงาน
ที่มา: เดลินิวส์ 20 ธันวาคม 2557